ฝังเข็มลดน้ำหนัก ทำได้จริงหรือ? Loss Weight

ในวิธีการลดน้ำหนักมากมายทุกวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย คุมอาหาร
ดูดไขมัน กินยาลดความอ้วน ฯลฯ
แต่สาวๆ รู้ไหมคะว่า…
ยังมีการฝังเข็มเพื่อลดน้ำหนัก
ร่วมกับการติดหมุดใบหู เป็นอีกวิธีหนึ่ง
ซึ่งเขาวิจัยกันมาแล้วว่าให้ประสิทธิภาพในการรักษา
และสามารถลดน้ำหนักได้จริง แถมยังปลอดภัยด้วยนะคะ

บ่อยครั้งที่พบว่า พฤติกรรมการทานอาหาร
เมื่อเกิดความเครียดหรือความกังวล จะนำพาไปสู่ โรคอ้วน
บางคนเครียดจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีก็ทานๆ ทานแล้วก็ทานอีก
จนไขมันสะสม ลงพุง ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมแย่ไปด้วย

การฝังเข็มเพื่อลดน้ำหนักนั้น จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกาย
และเซลล์สื่อประสาทของสมอง เกิดการหลั่งฮอร์โมน
อาทิเช่น เอนโดฟีน ที่ทำให้มีความสุข
คลายเครียด นอนหลับได้สนิทมากขึ้น
ส่งผลให้สภาพจิตใจและสุขภาพโดยรวมค่อยๆ ดีขึ้น

การฝังเข็มตามระบบอย่างถูกต้องด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
จะช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึม ทำให้เพิ่มอัตรา
การเผาผลาญพลังงานในร่างกาย
จึงช่วยสลายไขมันสะสมที่คั่งค้าง
แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานนำกลับมาใช้ในเซลล์ต่างๆ
ทำให้ระบบอวัยวะอื่นๆ รวมถึงการขับถ่ายดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

ทีนี้เรามาดู 6 เหตุผลหลักกันค่ะ
ว่าทำไมการฝังเข็มถึงลดน้ำหนักได้จริง

1.การฝังเข็มช่วยปรับสมดุลของต่อมไทรอยด์,
ต่อมหมวกไต และอัตราการเผาผลาญ
พลังงานให้เพิ่มมากขึ้นจากปกติ

2.ช่วยให้ตับและไต มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น
สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น

3.ช่วยให้ตับอ่อนทำงานได้ดียิ่งขึ้น
และช่วยในการหลั่งสารคอร์ติซอล,
อินซูลิน และสารเคมีในสมอง

4.ช่วยลดความตึงเครียด
และช่วยให้จิตใจและร่างกายสดชื่น
ไม่อ่อนเพลีย กระปรี้กระเปร่าตลอดการทำงาน

5.ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
เพราะมีผลให้ระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย
สามารถทำงานได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น

6.ช่วยกระตุ้นการขับไขมันส่วนเกินออก
ในรูปแบบของเสีย และเหงื่อได้เร็วยิ่งขั้น
สัดส่วนก็จะลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมชาติ
ผิวไม่แห้งเหี่ยว ไม่เกิดการหย่อนคล้อยของผิวหนัง

สำหรับวิธีการของการฝังเข็มเพื่อลดน้ำหนักนั้น มีขั้นตอนดังนี้ค่ะ

1. พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัย
และประเมินการรักษา และเทคนิกเฉพาะตัวก่อนทำการรักษา

2. ทำความสะอาดจุดฝังเข็มบริเวณผิว
ก่อนแพทย์ทำหัตถการฝังเข็มตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
เน้นสัดส่วนที่ไม่กระชับด้วย เช่น ต้นแขน หน้าท้อง ต้นขา

3. แพทย์จะประเมินความเหมาะสม
ของการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าที่ปลายเข็มในบางตำแหน่ง
เพื่อเร่งกระบวนการฝังเข็มให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วยให้ชั้นไขมันลดน้อยลง พุงยุบเร็ว แขน ขากระชับขึ้น

4. จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้เกิดกระบวนการรักษา

5. แพทย์ทำหัตถการติดหมุดแม่เหล็ก,
หมุดสมุนไพรที่ใบหู สลับข้างซ้ายและขวา
เพื่อกดจุดสะท้อนลดความอยากอาหารลง และคลายเครียด

สำหรับการฝังเข็มเพื่อลดน้ำหนักนั้น
ในแต่ละท่านจะไม่เหมือนกันค่ะ
เพราะจะถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ
สุขภาพร่างกายของคนไข้แต่ละคน
เช่น บางท่านมีอาการท้องผูกเรื้อรังร่วมด้วย
บางท่านท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมมาก เป็นต้น
ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องรักษาที่สาเหตุ
และอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างการฝังเข็มลดน้ำหนัก
ก็จะทำให้น้ำหนักลดลงได้
แถมสุขภาพของคนไข้ก็ดีขึ้นไปด้วย นั่นเอง

โดยทั่วไปแล้วการรักษาจะใช้เวลาในการรักษา
ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
เป็นระยะเวลา 8-12 สัปดาห์
จนกว่าจะลดน้ำหนักได้ผลเป็นที่พอใจค่ะ

นอกจากนี้การฝังเข็มลดน้ำหนักแล้ว
หากเราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในแต่ละวันร่วมด้วย
เช่น การเลือกทานอาหารสุขภาพ
ทานสมุนไพร อาหารเสริม การนวดกดจุดหน้าท้อง
ตลอดจนจิตใจที่แจ่มใส และการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
จะช่วยเสริมการลดน้ำหนัก ให้เห็นผลอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้นนะคะ

การเลือกใช้บริการการฝังเข็มเพื่อลดน้ำหนัก
หรือ รักษาในด้านอื่นๆ นั้น
นอกจากจะต้องดูที่ความสามารถ
ความน่าเชื่อถือ ประสบการณ์
คุณสมบัติของแพทย์แล้ว
ความปลอดภัย ความสะอาด
ปลอดเชื้อ และสถานที่สะดวก
ได้มาตรฐาน มีการเปิดบริการอย่างถูกต้อง
ตามกฎหมายก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ

คลินิกที่น่าเชื่อถือและเปิดให้บริการ
จนผู้ใช้บริการบอกต่อเป็นจำนวนมากอย่างที่
แมนดาริน คลินิก เขามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ซึ่งจบปริญญาจากต่างประเทศ และมีประสบการณ์
ในด้านแพทย์แผนจีนอย่างลึกซึ้ง
มั่นใจได้เลยว่าทั้งสถานที่มีมาตรฐาน
อุปกรณ์ และเข็มที่ใช้ในการรักษานั้น
ผ่านการฆ่าเชื้อโรคอย่างถูกต้อง ใช้ครั้งเดียวทิ้ง

แมนดาริน คลินิกเปิดให้บริการเฉพาะทางด้านการแพทย์แผนจีน
การฝังเข็มรักษาโรค เสริมความงาม ครอบแก้ว
กัวซา ทุยหนา ยาสมุนไพรจีน ดำเนินการโดย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งปัจจุบันเปิดให้บริการทุกวัน เวลาทำการ 10.00-21.00น.
มี 3 สาขา ในกรุงเทพ สอบถามเพิ่มเติม โทร.02-4764600

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการรักษาน้ำหนักของร่างกายให้เหมาะสม
คือสิ่งสำคัญในการมีสุขภาพดีนะคะ

(บทความลิขสิทธิ์ แมนดารินคลินิก เท่านั้น)