หัวใจสำคัญของการดูแลก็คือการป้องกัน แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับผิวให้ขาวกระจ่าง แต่เมื่อเกิดกระหรือฝ้าขึ้นแล้วก็ยากที่จะทำให้จางหายไปได้ และทำให้การดูแลผิวเป็นเรื่องยาก
กระ/ฝ้า แต่ละชนิดมีวิธีจัดการแตกต่างกันไป ต้องรู้จักชนิดของ กระ/ฝ้า เสียก่อน
หลายคนกังวลเรื่องกระ/ฝ้า จึงเริ่มดูแลผิวด้วยไวเทนนิ่ง แต่ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ใช่ว่าจะมีประสิทธิภาพเสมอไป
กระ/ฝ้า มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีวิธีจัดการไม่เหมือนกัน ชนิดที่ผู้หญิงส่วนใหญ่กังวลคือ กระผู้สูงอายุ ซึ่งเกิดจากผลกระทบของแสงแดดที่สะสมมาเป็นเวลานาน กระชนิดนี้หากเป็นระยะเริ่มต้นจะปรากฏจางๆ การใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งจะเห็นผล แต่ถ้าเริ่มก่อตัวจนเห็นชัดเจนแล้ว
การทำให้จางลงจะเป็นเรื่องยาก
ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเซลล์เมลาโนไซต์ (melanocyte) ซึ่งผลิตเม็ดสี (melanin) ดังนั้นผลิตภัณฑ์จะแสดงประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อเม็ดสีผลิตออกมามากเกินไป อย่างไรก็ตามแม้ว่ากระผู้สูงอายุจะเกิดจากผลกระทบของรังสียูวี แต่การที่รอยกระเด่นชัดขึ้นเป็นผลมาจากโครงสร้างผิวหนังที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยด้วย ด้วยเหตุนี้แม้จะยับยั้งการทำงานของเมลาโนไซต์ได้ กระก็ไม่จางลง
ดังนั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้จักชนิดของกระ/ฝ้า แล้วหาวิธีที่ถูกต้องในการรับมือ หากไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตัวเอง ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งที่ใช้แล้วไม่ได้ผล
ประเภทของกระ/ฝ้าและดารดูแล
- กระผู้สูงอายุ
ลักษณะ เป็นกระที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการได้รับแสงแดดสะสมเป็นเวลานานมักปรากฏเป็นเม็ดสีกลมๆ สีน้ำตาลอ่อน ขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร บริเวณเหนือโหนกแก้มและจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ทั้งยังมีขนาดใหญ่ขึ้นและนูนขึ้นคล้ายหูด
การดูแลรักษา ถ้าเพิ่งเริ่มปรากฏเป็นรอยจางๆ ในช่วงแรกสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง หรือทำการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว การฝังเข็ม แต่ถ้าเข้มขึ้นและเริ่มเป็นวงชัดเจนแล้วอาจต้องรักษาด้วยเลเซอร์
- กระเนื้อ
ลักษณะ เป็นกระที่พัฒนามาจากกระผู้สูงอายุซึ่งฝังแน่นและนูนขึ้นมา พื้นผิวของกระจะมีลักษณะเป็นตุ่มสีน้ำตาล กระที่ขึ้นบริเวณหลังมือมักจะอยู่ในกลุ่มของกระเนื้อ
การดูแลรักษา เนื่องจากโครงสร้างผิวหนังเปลี่ยนแปลงการใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งจึงไม่ได้ผล ต้องรักษาด้วยการฝังเข็ม เลเซอร์หรือไนโตรเจนเหลว
- กระลึก
ลักษณะ กระเล็กๆ บางครั้งก็เรียกว่ากระลึก แต่โดยทั่วไปเป็นกระที่เกิดจากพันธุกรรม เป็นกระเล็กๆ สีน้ำตาลกระจายทั่วบริเวณจมูก ตั้งแต่ช่วงอายุ 10 ขวบเป็นต้นไป หากสังเกตดีๆ จะเห็นรูปทรงเป็นสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมไม่ใช่วงกลม
การดูแลรักษา การฝังเข็ม สามรถขจัดได้หมด แต่มีโอกาสที่กลับมาเป็นได้อีก แม้ว่าโครงสร้างผิวหนังจะเป็นปกติแต่ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งซึ่งจะช่วยได้
- จุดต่างดำจากการอักเสบของผิวหนัง
ลักษณะ เกิดจากอาการอักเสบของผิวหนัง เช่น สิว หรือแผล และรอยแผลนั้นกลายเป็นจุดสีน้ำตาล โดยปกติหากปล่อยไว้ก็จางไปเองได้แต่บางครั้งใช้เวลาถึง 2-3 ปี นอกจากนี้การใช้สำลีเช็ดเสียดสีกับผิวหน้าต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจุดด่างดำชนิดนี้บริเวณแก้มได้
การดูแลรักษา การฝังเข็มกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิวจะช่วยขจัดจุดด่างดำเหล่านี้ได้เร็วขึ้น และควรใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งควบคู่ไปด้วย
- ฝ้า
ลักษณะ เมื่อฮอร์โมนเพศหญิงขาดสมดุลก็จะทำให้เกิดฝ้าเป็นลักษณะรอยปื้นจางๆ บริเวณโหนกแก้ม พบได้ในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด หรือหญิงที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ฝ้าชนิดนี้มีสีน้ำตาลหรือเทา ขึ้นเป็นปื้นใหญ่เหมือนทาด้วยแปรงทาสี บางครั้งปรากฏบริเวณหน้าผากและจมูกด้วย
การดูแลรักษา ไม่เหมาะกับการรักษาด้วยเลเซอร์สามารถขจัดได้ด้วยกรดทราเนซามิก (tranexamic acid) การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว การฝังเข็มกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว และการใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งก็ได้ผลเช่นกัน
- กระตื้น
ลักษณะ มักเกิดบริเวณไหล่ถึงหลังเมื่อถูกแดดกะทันหัน เช่น เล่นน้ำทะเล เป็นต้น มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ หากสังเกตดีๆ จะพบว่าแต่ละจุดมีลักษณะคล้ายกลีบดอกไม้ อาจปรากฏขึ้นหลังจากถูกแดดสะสมเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ได้
แง่มุมสำคัญเกี่ยวกับกระ/ฝ้า และการปรับผิวขาว
การขจัดกระ/ฝ้าที่เกิดขึ้นแล้วทำได้ยาก ควรใช้วิธีป้องกันรังสียูวีและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่จะสายเกินไป
สารปรับผิวขาวทำหน้าที่ยับยั้งเม็ดสีไม่ได้เป็นสารฟอกขาวที่ลบเลือนจุดด่างดำ กระที่ผู้หญิงส่วนใหญ่กังวลเป็นกระที่เกิดจากรังสียูวี กระชนิดนี้หากปล่อยไว้นานจะไม่สามารถขจัดไปได้ด้วยผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่ง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือจะต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดกระ
โดยทั่วไปสารปรับผิวขาวมีหลายชนิด เช่น สารยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส สารยับยั้งสารสื่อประสาทซึ่งหลั่งออกมาเมื่อรังสียูวีสัมผัสผิว สารที่ส่งผลต่อดีเอ็นเอที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสี สารเหล่านี้แม้จะมีการทำงานต่างกัน แต่ก็ส่งผลในการลดการผลิตเม็ดสีในผิวหนัง เพราะฉะนั้นบทบาทที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือ เพื่อป้องกันไม่เกิดกระ/ฝ้า ไม่ใช่เพื่อลดเลือนกระ/ฝ้าที่เกิดขึ้นแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลเชิงป้องกันด้วยเซรั่มหรือครีมซึ่งมีส่วนผสมที่ช่วยปรับผิวขาว ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่สารต้านอนุมูลอิสระ
กระบวนการเกิดกระ/ฝ้า
- เมื่อรังสียูวีสัมผัสเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า สารสื่อประสาทที่ชื่อเอนโดทีลีน (endothelin) จะหลั่งออกมา
- เอนโดทีลีนจะไปกระตุ้นเมลาโนไซต์ และทำให้เกิดการผลิตเม็ดสี
- เม็ดสีถูขับออกมาจากเมลาโนไซต์
เม็ดสีถูกผลิตออกมามากเกิน ทำให้ตกค้างบนผิวและก่อตัวกลายเป็นกระ/ฝ้า